มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า “นาฬิกาแบรนด์หรู” ไม่ต้องทำการตลาด เพราะเพียงชื่อแบรนด์และเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ก็เพียงพอแล้วสำหรับสร้างยอดขายตามเป้า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผมเองก็เคยเข้าใจเช่นนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งเริ่มศึกษาเรื่องราวนาฬิกาอย่างจริงจัง จึงเพิ่งได้รู้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่ผิด โดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลมีเดียมีผลกับพฤติกรรมคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรดาแบรนด์นาฬิกาหรูต่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดแบรนด์นาฬิกามากขึ้น และเพื่อให้เห็นภาพว่าพวกเขามีกลยุทธ์ที่น่าสนใจอย่างไร ผมขอใช้พื้นที่นี้หยิบยก 3 กลยุทธ์ จาก 3 แบรนด์ดังมาเล่าให้ฟังแบบสนุก ๆ แต่ไม่ตกหล่นสาระสำคัญ ตามผมมา !
Federer: Twelve Final Days
ผมต้องยอมรับว่า Rolex ไม่เคยทำให้ผิดหวังในการสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดแบรนด์นาฬิกาที่ทรงพลัง และ “Federer: Twelve Final Days” ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานชั้นเยี่ยมที่สะท้อนความเป็นเลิศของแบรนด์ได้อย่างงดงาม
เมื่อพูดถึงโลกแห่งนาฬิกาหรู Rolex คือราชาผู้ครองบัลลังก์มาอย่างยาวนาน แต่ถ้าเป็นโลกแห่งกีฬาเทนนิส “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์” คือหนึ่งนามกรที่คู่ควรกับคำว่าราชาเช่นกัน ดังนั้น การที่ Rolex จับมือกับ Prime Video สร้างสรรค์สารคดีคุณภาพสูงอย่าง Federer: Twelve Final Days จึงเป็นการตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้อย่างลงตัว
ผมประทับใจกับวิสัยทัศน์ของ Rolex ที่มองเห็นว่าการเล่าเรื่องผ่านสื่อภาพยนตร์ คือหนทางที่จะเข้าถึงผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่างอาซิฟ คาปาเดีย และโจ ซาเบีย มาร่วมงาน ทำให้เราได้สัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกของเฟเดอเรอร์ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตได้อย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้การตลาดของแบรนด์นาฬิกาหรูนี้โดดเด่นคือการนำเสนอ Rolex ในฐานะที่เป็นมากกว่าเพียงนาฬิกา แต่เป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ผู้เฝ้ามองและจับภาพช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ การที่ Rolex เลือกถ่ายทอดเรื่องราว 12 วันสุดท้ายในอาชีพของเฟเดอเรอร์ จึงเป็นการตอกย้ำปรัชญาของแบรนด์ได้อย่างชาญฉลาด
Seek Beyond
ความรู้สึกในครั้งแรกที่ได้เห็นแคมเปญ “Seek Beyond” ยังคงชัดเจนในความทรงจำของผม มันเป็นความชื่นชมระคนยกย่อง เพราะถึงแม้ Audemars Piguet จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลกเรือนเวลาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและกระหายที่จะพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง
ในปี 2023 Audemars Piguet ได้ร่วมมือกับ Publicis Luxe สร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดแบรนด์นาฬิกาที่ไม่เพียงแต่จะเป็นการประกาศศักดา แต่ยังเป็นการท้าทายขีดจำกัดของตัวเองภายใต้ชื่อ Seek Beyond ที่ถือเป็นการเชิญชวนให้เราก้าวข้ามกรอบความคิดเดิม ๆ และมองหาสิ่งที่เหนือกว่าในทุกด้าน
ความงดงามของแคมเปญย้ำชัดถึงอุดมการณ์ที่มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างจิตวิญญาณแห่งการก้าวไปข้างหน้ากับการรักษาความเป็นเลิศของงานฝีมือชั้นสูง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านคอลเลกชัน “Royal Oak” เรือธงของ Audemars Piguet ที่นำเสนอขอบหน้าปัดแปดเหลี่ยม ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติดีไซน์เรือนเวลาในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษามาตรฐานการสร้างสรรค์งานฝีมือชั้นยอดผ่านลวดลาย “Tapisserie” บนหน้าปัดซึ่งเป็นจุดเด่นของคอลเลกชันที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิค Guilloché แบบดั้งเดิม กระทั่งออกแบบลายตารางใหม่ที่ใช้ ‘X’ เชื่อมแต่ละตารางเข้าด้วยกัน
นอกจากนั้น อีกเรื่องที่ผมอยากปรบมือให้ดัง ๆ คือความสามารถของการตลาดของแบรนด์นาฬิกาหรูในการดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กระหายการค้นพบ ให้เข้ามาสัมผัสตัวตนที่ผ่านกาลเวลามานานนับทศวรรษของแบรนด์ ถือเป็นศิลปะแห่งการสร้างสมดุลที่แท้จริง ระหว่างการรักษาไว้ซึ่งความคลาสสิกและการก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
Fast is the Enemy
ในขณะที่โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ทว่า Patek Philippe กลับเลือกที่จะยืนหยัดอย่างสง่างามด้วยปรัชญาที่ว่า “Fast is the Enemy” ที่ทำให้ผมต้องยกแก้วขึ้นคารวะว่าแนวคิดนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณอันแท้จริงของการสร้างสรรค์นาฬิการะดับตำนานได้อย่างกล้าหาญที่สุด
กลยุทธ์การตลาดแบรนด์นาฬิกาล่าสุดของ Patek Philippe ทำให้ผมรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปสู่ยุคทองของการผลิตนาฬิกา ที่ซึ่ง “เวลา” คือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานอันทรงคุณค่า ดั่งเช่นวลีอมตะของเธียร์รี สเติร์น อดีตประธาน Patek Philippe ที่เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 1839 และจากอดีตสู่ปัจจุบัน Patek Philippe ก็ยังคงชัดเจนในวิถีดังกล่าว นาฬิกา Patek Philippe หนึ่งเรือนอาจใช้เวลาผลิตหลายเดือนไปจนถึงหลักปี และสำหรับนาฬิการุ่นที่มีความซับซ้อนเช่น Grand Complications อาจต้องใช้เวลาผลิตนานถึง 2-5 ปี เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าในยุคที่ทุกแบรนด์ต่างอยากลดระยะเวลาการผลิตให้น้อยที่สุด เพื่อสร้างกำไรให้มากที่สุด นี่คือการกระทำที่บ้าระห่ำอย่างไร้ข้อสงสัย
ผมประทับใจกับความมุ่งมั่นของ Patek Philippe ในการรักษาความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิการะดับสูงสุด ไม่เพียงแต่ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ แต่ยังรวมถึงความสามารถในการให้บริการและซ่อมแซมนาฬิกาทุกเรือนที่เคยผลิตมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท นี่คือความรับผิดชอบที่เหนือกว่าการเป็นเพียงผู้ผลิตนาฬิกา แต่เป็นผู้พิทักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
ด้วยเหตุนี้ “Fast is the Enemy” ไม่ใช่เพียงการตลาดของแบรนด์นาฬิกาหรู แต่เป็นปรัชญาที่หล่อหลอมตัวตนของ
Patek Philippe มาตลอดสายธารกาลเวลาที่ยาวนาน ยืนยันถึงคุณค่าของความอดทน พิถีพิถัน และมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ที่ไม่มีสิ้นสุด
นึกถึงแหล่งซื้อขายนาฬิกาหรูที่เชื่อถือได้ ต้องที่ Pixiu Watch
กลยุทธ์การตลาดแบรนด์นาฬิกาปิดม่านลงแต่เพียงเท่านี้ ทว่านักอ่านท่านใดอยากจับจองเป็นเจ้าของนาฬิกาหรูเพื่อสัมผัสเรื่องราวที่บรรจุอยู่ภายใต้หน้าปัด ต้องที่ Pixiu Watch เราเป็นร้าน
ซื้อขายนาฬิกามือสองที่รวบรวมทุกเรือนเวลาล้ำค่าเอาไว้ ให้คุณเข้ามาค้นหาเสน่ห์ที่ใช่กับนาฬิกาเรือนสวยที่ต้องการ พร้อมช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำการซื้อแบบมืออาชีพ ผู้เข้าใจในความหลงใหลของเหล่านักสะสมมาอย่างเนิ่นนาน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับเราได้ที่เบอร์โทรศัพท์
096-939-9292 (โอ๊ต) ทุกวันและเวลา
แหล่งอ้างอิง