New Rolex Watches 2023
ในที่สุด Rolex ก็ปล่อยนาฬิกาใหม่ประจำปี 2023 ที่พร้อมจำหน่ายเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว มีรุ่นไหน อะไรใหม่หรือน่าสนใจยังไง Pixiu Watch รวบรวมสรุปมาให้ด้านล่างนี้ครับ
Daytona
ในวาระครบรอบ 60 ปีของ King Of Sport Watch นาฬิการะดับไอคอนนิกของแบรนด์ Rolex ได้ปรับรายละเอียดบางส่วนเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับ Daytona ยิ่งขึ้น ดังนี้ครับ
- หน้าปัดใหม่ ด้วยการปรับขนาดของหลักเวลาและขนาดของวงย่อย เพิ่มมิติของสีระหว่างพื้นหน้าปัดและขอบวงย่อยให้เด่นชัดขึ้น หน้าปัดจึงดูโดดเด่นสะดุดตาได้ดี
- ตัวเรือนปรับปรุงใหม่ ด้วยขอบด้านข้างที่ให้แสงที่สว่างใสชัดเจนขึ้น
- เบเซลเซรามิกหรือ Cerachrom จะไม่ใช่เซรามิกล้วนทั้งชิ้นต่อไป โดยส่วนบริเวณสันขอบจะเปลี่ยนใช้วัสดุเดียวกับตัวเรือน
- กลไกรุ่นใหม่ ขุมพลังใหม่กับ Calibre 4131 ที่ให้พลังงาน 72 ชั่วโมงเท่ากับ Calibre 4130 แต่มีจำนวนชิ้นส่วนรวมที่ลดลง นั่นหมายถึงการดูแลรักษาที่ง่ายขึ้นเมื่อต้องเข้ารับการเซอร์วิสครับ
Daytona รุ่นไฮไลท์
Rolex Daytona รุ่นใหม่ปี 2023 นำขบวนด้วย Platinum Ice-Blue อันงามสง่า ซึ่งจุดเด่นสำคัญนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น Ice-Blue มาพร้อมเคสหลังแบบเปลือย ทำให้เห็นงานขัดแต่งกลไกรุ่นใหม่อย่างเต็มตา ได้เห็นโรเตอร์ขึ้นลายฉลุโปร่งแบบใหม่และตราสลักมาตรฐานการขัดแต่ง Rolex Cotes de Geneva บนสะพานจักรครับ
Perpetual 1908
คอลเลคชันที่นำเอานัยยะสำคัญของแบรนด์สองสิ่งมารวมเข้าด้วยกัน กับภาพลักษณ์ของนาฬิกาที่อ้างอิงจาก Oyster Perpetual ในปี 1931 ที่นำมาตีความใหม่ผ่านมุมมองของยุคสมัยปัจจุบัน และนำเลขจากปี 1908 อันเป็นปีจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ Rolex อย่างเป็นทางการที่สวิตเซอร์แลนด์
Perpetual 1908 เป็นนาฬิกาสไตล์เรียบหรู คลาสสิก หากแต่ยังคงร่วมสมัยอย่างแท้จริง เอกลักษณ์หลักคือตัวเรือนเพรียวบางที่บางกว่าเมื่อกับนาฬิกาของ Oyster Perpetual ถึงสามเท่า, Fluted Bezel ทรงโดม, และหน้าปัดที่ Rolex ให้นิยามว่า “งานศิลปะขนาดเล็ก” ซึ่งจะเป็นจุดไฮไลท์สำคัญของ Perpetual 1908 ในทุกรุ่นจากนี้ไป
เช่นเดียวกับ Ice-Blue ใน Perpetual 1908 เราจะได้พบกับเคสหลังแบบ Exhibition เพื่อชมกลไกออโตเมติกรุ่นใหม่ ที่คิดขึ้นสำหรับ 1908 โดยเฉพาะ กับ Calibre 7140 ที่ให้พลังงาน 66 ชั่วโมง ใช้ชุดแฮร์สปริง, กลไกปล่อยจักรและตัวซับแรงกระแทกแบบเดียวกับของ Daytona เปิดตัว 2 รุ่น ได้แก่รุ่นวัสดุ Yellow Gold และ รุ่นวัสดุ White Gold ครับ
Oyster Perpetual Yacht-Master 42
ให้ตายเถอะจากลุคชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์แล่นเรือยอร์ชชิลๆ ในเมดิเตอร์เรเนียน พอเห็น Yacht-Master 42 ครั้งแรกในมาดของเบเซลดำหรูบนตัวเรือนไทเทเนียม ภาพของ John Wick ในชุด Kevlar Suite ลอยขึ้นมาซ้อนทับกับนาฬิกาทันที เห็นแล้วเสียดายมากๆ ที่นาฬิกาไม่ได้ใส่ไปปรากฏในหนังภาคล่าสุด ไม่อย่างนั้นมั่นใจได้เลยว่ากระแสของ Yacht-Master 42 ยิ่งกว่ากระแสความร้อนจากลาวาปะทุแน่นอน ด้วยแต่เดิมเพราะความหรูดูดีของ Yacht-Master ทำให้แฟนสปอร์ตทั่วโลกต่างรู้สึกผิด ถ้าจะใส่ไปลุยสมบุกสมบัน แต่กับภาพลักษณ์ครั้งนี้โดดเด่นครบทุกทั้งดุดัน, ทนทาน, น้ำหนักเบาจากวัสดุ ไทเทเนียม RLX ซึ่งเป็นนาฬิกาตัวที่สองต่อจาก Deepsea Challenge ที่ใช้วัสดุนี้
แม้จะแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ยังแฝงความหรูเช่นเดิม นอกจากเบเซลที่สง่างาม ทั้งเรือนยังอุดมไปด้วยลายซาตินตัดด้วยลายเส้นจากการปัดเงา และเครื่องหน้าขนาดใหญ่เรียบง่ายแต่โดดเด่นบนพื้นดำ ตัวเรือน 42 มม. เน้นความบางไม่เทอะทะ ใช้กลไกออโตเมติก 70 ชั่วโมง Cal. 3235 ที่รู้จักกันดีครับ
Sky-Dweller
ความหรูที่มาพร้อมอรรถประโยชน์ของ GMT และระบบปฏิทิน ที่ใครก็ยากจะปฏิเสธในนาฬิกาที่งามสง่าและให้ความน่าเชื่อถือทั้งภาพลักษณ์และค่าต่างๆ ที่จัดแสดง
ในรุ่นใหม่ปี 2023 นี้ Sky-Dweller นำทัพมาด้วยตัวเรือน White Gold Black Dial และสาย Oysterflex ซึ่งเป็นครั้งแรกของรุ่นที่ใช้สายประเภทนี้ ตามมาด้วยอีกสองรุ่นสองสีที่บอกได้คำเดียวว่าดีงาม กับตัวเรือน White Rolesor Mint Green Dial และตราตึงใจสุดๆ กับตัวเรือน Everose Gold Blue-Green Dial
ซึ่งในแต่ละวัสดุยังมีหน้าปัดสีอื่นให้เลือกนอกจากสีเปิดตัวนะครับ ส่วนในด้านกลไกนั้น ใช้กลไกออโตเมติกรุ่นใหม่ Calibre 9002 ซึ่งยังให้พลังงาน 72 ชั่วโมงเท่ากับ Calibre 9001 แต่ปรับปรุงในส่วนกลไกปล่อยจักร, ตัวซับแรงกระแทก, และโรเตอร์ขึ้นลาน ใช้เป็นรุ่นใหม่เช่นเดียวกับกลไกรุ่นใหม่ตัวอื่นๆ ครับ
GMT-Master II
เปิดตัวรุ่นใหม่สองรุ่น ได้แก่ Yellow Gold และรุ่น Yellow Rolesor โดยมาพร้อมขอบเบเซล Cerachrom ในคู่สีใหม่จากเทาและดำ ทั้งสองรุ่นชุดเข็มทั้งหมดทำจาก Yellow Gold เช่นกัน โดยในรุ่น Yellow Gold จะมาในสไตล์ Full Gold ที่ชอบเรียกกันคือทองทั้งตัวครับ ส่วน Yellow Rolesor ก็คือทูโทน Yellow Rolesor / Steel นั่นเอง
แม้จะปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย แต่กลับส่งผลถึงภาพรวมของ GMT-Master II พอดูครับ เราจะเห็นว่า Rolex สร้างอัตลักษณ์ให้กับรุ่นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ง่ายต่อการจดจำ, หรูหราพรีเมียมขึ้น จนต้องบอกว่าปัจจุบัน GMT-Master II ยืนหนึ่งด้วยความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงแล้วครับ
Explorer
เพื่อให้สมกับคอนเซ็ปท์นาฬิกาเพื่อการใช้งาน “เรียบง่าย ทนทาน และอ่านเวลาได้ชัดเจน” Explorer รุ่นใหม่จึงมาในตัวเรือน Oyster ขนาด 40 มม. ด้านข้างตัวเรือนเงางาม อ่านเวลาได้ง่ายในที่มืดด้วยพรายน้ำ Chromalight สีฟ้าที่จะเปลี่ยนเป็นสีขาวในเวลากลางวัน โดยรุ่นใหม่มาในรหัส 224270 โดยใช้กลไกออโตเมติก 3230 พลังงาน 70 ชั่วโมงครับ
Oyster Perpetual
จากนาฬิกาคลาสสิกเรียบง่าย สู่ของร้อนแรงฮิตเปรี้ยงยิ่งกว่าฟ้าฟาดเมื่อ Rolex จับงานคลาสสิกมาทำเป็นงานอาร์ต ด้วยหน้าปัดหลากสีจนราคาไฮยิ่งกว่าเมากัญชา และดูท่าว่า Rolex จะใช้ Oyster Perpetual เป็นดั่งผ้าใบเพื่อหยิบจับความแปลกใหม่ ดีไซน์ตกแต่ง และสีสันหลากหลายมาเล่นสนุกอีกครั้ง ด้วยงานกราฟฟิกฟองสบู่เคลือบเงาที่เทสีทั้ง 5 จากหน้าปัดเมื่อปี 2020 ได้แก่ สีชมพูแคนดี้ สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ สีเหลือง สีแดงปะการัง และสีเขียว เพื่อเติมพลังบวกให้กับชีวิต จนกระทั่งปูชนียบุคคลด้านนาฬิกาท่านหนึ่งในบ้านเรา ถึงกับแปะโพสต์ในเฟซพร้อมแคปชันสั้นๆ ว่า “เอาจริงดิ” กันเลยทีเดียว ซึ่งไม่รู้จะสื่อถึงสีสันโดนใจหรือราคารีเซลล์ที่ออกแนวบ้าคลั่งกันอีกครั้งแล้วนั่นเอง
รุ่นไฮไลท์หน้าปัดสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ในชื่อ Celebration มาครบทั้งใน 3 ขนาด 31, 36, และ 41 มม. ซึ่งน้องเล็ก 31 มม. ใช้กลไกออโตเมติก 2232 พลังงาน 55 ชั่วโมง ส่วนอีกสองรุ่นโดยใช้กลไกออโตเมติก 3230 พลังงาน 70 ชั่วโมงครับ
ราคาทางการในเวปหลักสองแสนเท่านั้น แต่เห็นคนโพสต์กันไม่รู้เล่นหรือจริงเพราะเพิ่มไปหลายเท่าตัวกันแล้ว ถึงตรงนี้อยากจะถามแฟน Rolex อย่างจริงใจเลยครับว่า “เอาจริงดิ”
Oyster Perpetual Day-Date
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งตำนานคลาสสิกที่ Rolex นำมาผสานเข้ากับหินสีและเพชรน้ำงาม เพื่อพิสูจน์ถึงฝีมือในการออกแบบและงานอัญมณีที่ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยตัวเรือนล้ำค่า 3 รุ่น 3 สไตล์ ได้แก่ Everose Gold, Whit Gold, และ Yellow Gold
แต่ละรุ่นใช้หน้าปัดจากแร่ที่ต่างกันดังนี้ครับ
Everose Gold หน้าปัดสีอเวนจูรีนสีเขียวเงางาม, Whit Gold หน้าปัดสีเทอร์ควอยซ์พร้อมลายตามธรรมชาติของแร่, และ Yellow Gold หน้าปัดหินสีส้มจากแร่คาร์เนเลี่ยน
โดยทั้งสามตัวประดับเพชรทรง Brilliant-cut ที่บริเวณเบเซล,หลักชั่วโมงและหลัก VI และ IX หรืออยากคัสตอมก็สามารถเลือกดูในเวปได้เลยครับ
ทั้งหมดนี้คือ New Rolex 2023 ที่รวบรวมมาให้ได้ชมกัน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดครบถ้วนในแต่ละรุ่นได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะครับ
ขอบคุณรูปและข้อมูลจาก
https://www.rolex.com
ภาษาอังกฤษ
https://www.rolex.com/watches/new-watches
ภาษาไทย
https://www.rolex.com/th/watches/new-watches
30 มีนาคม 2566
Pixiu Watch