Watch101: ศิลปะอันงดงามบนหน้าปัดนาฬิกา

หน้าปัดนาฬิกา

เรื่องราวของศิลปะอันงดงามที่ถูกสร้างสรรค์บนหน้าปัดนาฬิกา

หน้าปัดนาฬิกาคือส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เรือนเวลานั้นมีความสมบูรณ์แบบ จากในบทความก่อนหน้านี้เราได้พาคุณไปรู้จักกับประเภทของหน้าปัดนาฬิกากันแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงศิลปะอันน่าสนใจบนหน้าปัด อย่างเทคนิคการแกะสลักและสร้างสรรค์ด้วยมืออย่างประณีต ที่ทำให้นาฬิกาแบรนด์หรูดูสวยงามและทรงคุณค่ายิ่งขึ้น

4 ความงดงามน่าหลงใหลบนหน้าปัดเรือนเวลาสุดหรู

1. Guilloche


หน้าปัดแบบ Guilloche คือหน้าปัดที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 คิดค้นโดยช่างทำนาฬิกาชาวเจนีวา Pierre Duhamel ซึ่งในยุคแรกนั้นลายกิโยเช่จะถูกใช้บนส่วนของตัวเรือนของนาฬิกาพกเพื่อความสวยงามและลดความลื่นมือขณะหยิบเพื่อดูเวลา จนถึงปี 1950 Guilloche ก็กลายเป็นหน้าปัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมักนำมาใช้ในการผลิตหน้าปัดสำหรับแบรนด์นาฬิกาหรูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 


Guilloche เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่ต้องอาศัยความละเอียดสูงในการผลิต ในการสร้างสรรค์ลวดลายอันสวยงามน่าหลงใหลนั้น หน้าปัดทุกชิ้นจะผ่านการแกะสลักด้วยมือ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกกันว่า “Rose Engine” อันเป็นเครื่องมือที่มีขนาดใหญ่ ราคาสูง และมีไว้สำหรับผลิตงานศิลปะอันล้ำค่าบนหน้าปัดของเรือนเวลาที่งดงามโดยเฉพาะ ปัจจุบันทางการสวิสเซอร์แลนด์ได้กำหนดมาตรฐานระดับสูงของงานกิโยเช่ขึ้น โดยการระบุ “Swiss Guilloche Main” ไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งของนาฬิกาสำหรับนาฬิกาที่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งแบรนด์ที่ได้รับเกียรติเป็นรายแรกก็คือ Breguet นั่นเอง 


ลวดลายของ Guilloche ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้

  1. Hobnail/Clous de Paris มีลักษณะเป็นพีระมิดปลายแหลมเรียงต่อกัน
  2. Basket Weave มีลักษณะเป็นลายสานเหมือนตะกร้าตามชื่อ
  3. Fish Scale/Escaille de Poisson มีลักษณะเป็นทรงโค้งคล้ายท้องปลา
  4. Flinque มีลักษณะเป็นเส้นโค้งเรียงซ้อนกัน

ซึ่ง Basket Weave ถือเป็นลวดลายที่ทำได้ยากที่สุด แต่ก็สามารถพบได้มากที่สุดบนหน้าปัดของนาฬิกาข้อมือแบรนด์หรูหลากหลายแบรนด์

2.Frosting

หน้าปัดแบบ Frosting เป็นอีกหนึ่งหน้าปัดอันล้ำค่าและมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเฉกเช่นหน้าปัด Guilloche คิดค้นโดย Abraham-Louis Breguet ผู้ก่อตั้งนาฬิกาแบรนด์หรูอย่าง Breguet ซึ่ง Frosting คือเทคนิคการใช้กรดกัดกร่อนพื้นผิวของวัสดุที่ต้องการ เพื่อให้ได้มาซึ่งลวดลายที่ดูระยิบระยับและเป็นประกายคล้ายคลึงกับเพชรน้ำงาม ซึ่ง Brequet มักเลือกใช้เงินแท้และทองแท้เท่านั้นในการผลิต


เมื่อเวลาผ่านไป เทคนิค Frosting ได้ถูกพัฒนาและปรับเปลี่ยนกรรมวิธีในการผลิตมาเป็นการใช้แปรงเพื่อทำลวดลายที่คล้ายคลึงกัน เนื่องจากการใช้กรดนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่ก็ยังเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้มือเพื่อความประณีตอย่างที่สุดและต้องใช้ระยะเวลานานในการผลิตหน้าปัดแต่ละชิ้น ถือเป็นศิลปะอันงดงามที่อยู่คู่กับเรือนเวลาแบรนด์หรูมาหลายศตววรษ

3. Hand Hammering

หน้าปัดนาฬิกาแบบ Hand Hammering เป็นหน้าปัดที่โด่งดังจากแบรนด์ AkriviA สร้างสรรค์โดยทีมของ Rexhep Rexhepi ช่างทำนาฬิกาอายุน้อยผู้มีพรสวรรค์ เป็นหน้าปัดที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดน้ำแข็ง และดูระยิบระยับเมื่อต้องกับแสงแดด ซึ่งเทคนิคในการผลิตนั้นเป็นเทคนิคที่ใช้ความประณีตระดับเดียวกับการทำอัญมณี ด้วยความตั้งใจว่าทุกครั้งที่ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวข้อมือ หน้าปัด Hand Hammering จะล้อกับแสงไฟจนเกิดเป็นประกายวาววับ กลายเป็นความสวยงามที่ไม่อาจละสายตา


ในการผลิตหน้าปัด Hand Hammering จะใช้เพียงค้อน เข็มหมุด และฝีมือของช่างทำนาฬิกาเท่านั้น ลวดลายทุกตารางนิ้วจะถูกสร้างสรรค์ด้วยการใช้ค้อนตอกลงไปบนเข็มหมุดซ้ำ ๆ หลายร้อยครั้ง จนปรากฏเป็นลายที่ไม่เหมือนใครและไม่อาจทำซ้ำได้ กว่าที่จะได้หน้าปัดขึ้นมาสักหนึ่งชิ้น จะต้องผ่านการทำกว่าร้อยชั่วโมง ฉะนั้นหน้าปัดแบบ Hand Hammering จึงเป็นอีกหนึ่งศิลปะบนเรือนเวลาที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากเหล่าคนรักนาฬิกา

 

นาฬิกาแบรนด์หรู

4. Tapisserie

แต่เดิมหน้าปัดแบบ Tapisserie เป็นหนึ่งในลวดลายของหน้าปัดแบบ Guilloche แต่เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง จึงถูกจัดให้แยกออกมาเป็นอีกหนึ่งประเภทของหน้าปัดนาฬิกา โดดเด่นที่ลวดลายสี่เหลี่ยมที่เรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ จะสังเกตได้ถึงความมีมิติและลวดลายนูนเป็นวงกลมที่อยู่ล้อมรอบสี่เหลี่ยมอีกหนึ่งชั้น ปัจจุบันหน้าปัดนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนาฬิกาสุดหรูอย่าง AUDEMARS PIGUET

ในการผลิตนั้นจะใช้เครื่องมือที่มีไว้สำหรับผลิตหน้าปัดนาฬิกาลวดลายนี้โดยเฉพาะ ถึงแม้จะเป็นเครื่องมือที่ต้องทำงานด้วยมือแบบเดียวกับ Rose Engine แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เครื่องมือสำหรับผลิตหน้าปัด Tapisserie จะมีมอเตอร์ที่คอยควบคุมการทำงาน ค่อย ๆ บรรจงสร้างสรรค์ลวดลายสี่เหลี่ยมเรียงต่อกันอย่างประณีต ซึ่งกว่าที่จะได้ออกมาแต่ละชิ้นอาจใช้เวลานานถึง 50 นาที เป็นศิลปะความงดงามบนเรือนเวลาที่เชื่อว่าหลายคนฝันอยากจะเป็นเจ้าของ

จับจองความงดงามอันเป็นตำนานบนนาฬิกาแบรนด์หรูได้ที่ Pixiu Watch

มูลค่าของนาฬิกาจากแบรนด์หรูนั้นไม่ได้มาจากราคาที่สูงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และความงดงามที่ปรากฏอยู่ในทุกชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือน สาย หน้าปัด หรือแม้แต่เข็มนาฬิกา สำหรับผู้ที่ต้องการจับจองความงดงามของศิลปะอันเป็นตำนานจากแบรนด์นาฬิกาหรู สามารถเลือกชมได้เลยที่ PIXIU WATCH เราคือร้านขายนาฬิกาแบรนด์เนมของแท้ที่ผ่านการคัดสรรอย่างตั้งใจ ยินดีให้คำปรึกษาและคำแนะนำเรื่องเรือนเวลาจากหลากหลายแบรนด์ดัง เพื่อส่งมอบความงดงามให้แก่ผู้รักนาฬิกาทุกท่าน 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับเราได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 096-939-9292 (โอ๊ต) ทุกวันและเวลา